นักเรียนคอร์ส Voice
ผมมาเรียนฝึกเสียงกับครูมิ้น เพราะรู้สึกเสียงตัวเองราบเรียบไม่รู้ว่าควรเน้นเสียงตรงไหน
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เรียน คุณมิ้นก็เห็นปัญหาและแนะนำวิธีแก้ไขได้ดีมาก ครูมิ้นไม่ได้สอนเรื่องเสียงอย่างเดียว แต่ให้ความรู้มากมาย มีตัวอย่าง ให้การบ้านกลับไปฝึกทำ ตรวจการบ้านและให้คำแนะนำดีและละเอียดมากๆ เวลามาเรียนรู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก ผมเหมือนได้เพื่อนคนนึงที่ช่วยชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เรามองไม่เห็น แนะนำเลยครับ
ปุ๊ก,
อาจารย์
ตั้งใจหาคอร์สเรียนเกี่ยวกับการออกเสียง เพราะต้องการปรับปรุงการออกเสียงของตัวเอง อยากรู้ว่ามีปัญหาตรงไหน และครูมิ้นก็สามารถวิเคราะห์สาเหตุได้ตรงจุดและแก้ไขได้ทันทีในครั้งแรกที่เรียน มีความประทับใจมากค่ะ หลังจากเรียนจบคอร์สมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมากและฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ คนรอบข้างก็ทักด้วยว่าเสียงมีพลัง ขอบคุณครูมิ้นมากๆ สำหรับการแก้ปัญหาและสอนเทคนิคมากมายให้นำกลับไปใช้ค่ะ
ฮั้ว,
พนักงานบริษัท
นิคกี้เป็นคนนึงที่รู้สึกว่าเราอาจจะ (อาจจะ) ไม่ได้มีปัญหาในการพูดมากนัก แต่เราอยากจะพูดให้เป๊ะ ให้ดี ให้ดู Professional กว่านี้ ดังนั้นนิคกี้เลยตัดสินใจไปเรียน Voice Training เพื่อพัฒนาตัวเองค่ะ ตั้งแต่เรียนคลาสแรกจนถึงคลาสสุดท้าย ครูวิเคราะห์และแก้ไขนิคกี้ได้ตรงจุด ตรงประเด็น บางครั้งเรารู้ตัวว่าเป็นปัญหา เช่น พูดเร็ว เสียงแตก พูดจังหวะไม่สม่ำเสมอ และอื่นๆ แต่ไม่รู้จะแก้ไขยังไง
ต้องขอบคุณคุณครูที่ทำให้เราได้แก้ไขตั้งแต่การหายใจ ออกเสียง และมีการบ้านให้เราได้ฝึกทำ ซึ่งมันท้าทายและสนุกมาก จนเรารู้สึกการมาเรียน voice training มันมีอะไรมากกว่านั้น
ป.ล. จ่ายตังค์เองไม่มีสปอนเซอร์แต่อย่างใด
นิคกี้,
Beauty Investor
ก่อนที่จะเรียนกับครูมิ้น เดิมทีเป็นคนที่เสียงเบามากๆ เวลาออกเสียงดังก็กลายเป็นเหนื่อย แถมเหมือนการตะโกนอีกด้วย ชอบพูดอยู่ในลำคอตลอดเวลา ไม่รู้ตัวว่าเป็นคนพูดแบบผิดๆ มาตลอด ยิ่งอาชีพช่างภาพแบบเรา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสียงดัง
ตอนแรกก็มีความลังเลว่าจะเรียนดีไหม เพราะจริงๆ แล้วอยากจะลงคอร์สนี้มาเป็นปีละ แต่มีเหตุผลเดียวที่ลังเลก็คือกลัวเรียนแล้วไม่ได้ผล สุดท้ายก็ลองดู
ปรากฏว่าพอเรียนแล้ว รู้เทคนิคการพูดที่ถูกต้องแล้ว ก็สามารถพูดได้เสียงดังขึ้น แต่ต้องหมั่นซ้อมบ่อยๆ เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แนะนำทุกคนที่มีปัญหาเรื่องเสียงจริงๆ มันช่วยเสริมบุคลิกได้ดีมากๆ เลย ครูมิ้นมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้เสียงที่ถูกต้องจริงๆ
บอม บูม,
ช่างภาพ
ก่อนเรียนคิดว่ามีปัญหาเรื่องพูดเสียงเบามาโดยตลอด มโนไปว่าเราไม่ได้ออกเสียงจากท้อง ทำไม่เป็น เกือบไปหาวิธีแก้ผิดวิธี พอมาเรียนถึงได้เข้าใจสาเหตุของปัญหาว่าไม่ได้เป็นที่ต้นกำเนิดของเสียง แค่ขี้เกียจขยับปากเสียงเลยไม่ออก จากนั้นก็เจอปัญหาอื่นๆ ที่ก่อนหน้าไม่ได้สนใจ ทำให้เริ่มมีสติและเริ่มแก้ไขที่ต้นเหตุมากขึ้น
ไม่ประสงค์ออกนาม
เป็นคลาสที่มีแต่ความประทับใจ ครูมิ้นเป็นกันเองตั้งแต่ชั่วโมงแรก ถูกบิ้วพลังงานให้ตรงกับสารที่จะสื่อ แม้เป็นช่วงเวลาเรียนไม่นานแต่ได้ทักษะที่จะอยู่กับเราตลอดไปจริงๆครับ (ถ้าได้ฝึกฝน 😅)
Morning,
ธุรกิจส่วนตัว
การได้มาเรียนการฝึกการใช้เสียงกับครูมิ้น ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นเหมือนกับเรามาคอนเฟิร์มด้วยว่าเรามีปัญหาอะไร แล้วมันแก้ได้หรือซับซ้อนแค่ไหน
เราขอเกริ่นก่อนว่าเรามีปัญหาเรื่องการพูด คือ พูดเสียงเบา ไม่มีพลัง เสียงไม่เพราะ พอมีคนท้วงก็รู้สึกเสียความมั่นใจ บางครั้งต้องขึ้นพูดนำเสนอจะเสียงสั่น คิดว่าน่าจะมาจากการประหม่า เลยหาวิธีแก้ปัญหาจาก youtube บังเอิญได้เจอคลิปที่ครูมิ้นไปสอนในช่อง Auditorium เลยเพิ่งรู้ว่ามีศาสตร์นี้ด้วย ก็สนใจเพราะตอนนั้นต้องไปเป็นวิทยากร และต้องใช้เสียงมากขึ้น ถ้าเราแก้ตรงนี้ได้น่าจะทำให้การพูดของเราดีขึ้น น่าฟังมากขึ้น และเพิ่มความมั่นใจ เลยสมัครมาเรียน
ครูมิ้นเป็นคนที่ตั้งใจในการสอน พยายามให้เราผ่อนคลาย มีเทคนิคต่างๆ พูดคุยเพื่อเข้าใจปัญหาเฉพาะของนักเรียนแต่ละคน ขณะเรียนทำให้เรามีเทคนิคที่เราจะนำไปใช้ต่อได้ อีกทั้งครูยังคอยให้กำลังใจ และเน้นให้นักเรียนฝึกฝน ส่งการบ้านผ่านทางไลน์ และตอบข้อสงสัย ไม่ผิดหวังที่ได้มาเรียนกับครูมิ้นค่ะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณครูมิ้นมากๆ นะคะ ที่อดทนสอนเรา และคอยสนับสนุนให้เราก้าวข้ามสิ่งที่ยากไปได้ โดยรวมตอนนี้เสียงดีขึ้น และจะฝึกฝนต่อไปค่ะ
5/6/2023
ปลา,
ข้าราชการ
ขอบคุณนะคะ เป็นคอร์สที่อยากมาเรียนเสมอ ครูสอนได้กระชับ ชัดเจน ตรงกับสิ่งที่ต้องการปรับ สิ่งที่ได้มาจากการเรียนถึงแม้ตอนนี้ยังไม่คล่องเท่าไหร่ แต่ครูให้เครื่องมือที่จะนำไปใช้ฝึกต่อได้
วนิดา คงเจริญ,
มัคคุเทศน์
เหตุผลที่ลงเรียนตอนแรกเพราะรู้สึกว่าเราพูดเบา พูดไม่เต็มเสียง ส่วนตัวคิดว่าคอร์สระยะเวลา 3 ชั่วโมง น่าจะได้เรียนเป็นเทคนิคมาปรับกับการพูดในชีวิตประจำวัน แต่ในคอร์สได้เรียนถึงสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เราออกเสียงได้ไม่ถูกต้อง ซึ่งการออกเสียงนั้นมีหลายปัจจัยมากกว่าที่เคยคิดมากๆ
ระหว่างที่เรียนก็ได้รู้ถึงสาเหตุ (ตามรายบุคคล) จริงๆ ว่าเป็นเพราะอะไร และได้เล็งเห็นถึงบางปัญหาที่ไม่เคยถูกสังเกตเห็นมาก่อน เช่น การออกเสียงให้ครบทุกตัวอักษร หรือการหายใจระหว่างพูดให้ถูกวิธี การที่ได้รู้จุดที่ผิด ทำให้การปรับแก้ง่ายขึ้น อีกทั้งสามารถนำไปปรับใช้และพัฒนาต่อได้ด้วยตัวเองในชีวิตประจำวัน
คอร์สระยะเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง แต่สิ่งที่ได้ตรงจุด สามารถใช้ได้จริง การสื่อสารที่ดีสามารถนำไปต่อยอด และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ในอีกหลายๆ ด้าน ถือว่ามีประโยชน์มากๆ ค่ะ
นา,
นักเรียนออนไลน์ Norway
พูดดังเกินเหมือนตะโกนจนน่าลำไย พูดแล้วกระซิบไม่มีใครได้ยิน พูดแล้ว เสียงส่าย เสียงสั่น ราวจะขาดใจ
พูดนานๆไป..แล้วทำไม อยากกินฟ้าทะลายโจร (เพราะเจ็บคอ) ใครเคยเป็นแบบนี้บ้างคะ??
เนยเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหานั้น ตั้งแต่ผันตัวเองเป็นครูเนย Passion to Win ต้องออกกล้องไลฟ์สอนแทบทุกวัน มันทำให้เนยเห็นตัวเองชัดขึ้นว่าทุกครั้งหลังปิดกล้อง..เจียนจะขาดใจ 555 เพราะรู้สึกเหนื่อย หอบมาก บางครั้งเจ็บคอ เรียกได้ว่า Sponsor ยาแก้เจ็บคอ ต้องเข้าแล้ว!
เนยก็เลยกลับมาเขียนทบทวนตัวเองในสมุดบันทึก และตกผลึกกับตัวเองว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่เนยทำไม่ถูก เพราะผลลัพธ์มันเป็นตัวบอกผลรวมของการกระทำ และใช่แล้ว!! ต้นเหตุของปัญหา พูดแล้วเหนื่อยหอบของเนย มาจาก "การหายใจไม่ถูกต้อง"!!
ทุกครั้งระหว่างที่เนยเรียนฝึกการออกเสียงกับ ครูมิ้น รภัทร เจ้าของเสียงเพลงอันไพเราะ "สักวันคงเจอ" เนยตั้งจิต ตั้งใจเรียนแบบ "คนเอาจริง" เวลาครูมิ้นสอนอะไร เนยฟัง เนยทำ เนยส่งการบ้าน เนยใช้เวลาเรียน เพียง 3 ชั่วโมง… แต่ตัวเนยใช้เวลาฝึกซ้อมกว่า 20 ชั่วโมงตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์
เนยใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่รู้สึกได้ว่าตัวเองมีผลลัพธ์อย่างก้าวกระโดด
สิ่งที่เนยเจอตอนเรียนกับครูมิ้น คือ.. ครูมิ้นให้เนยทำแบบฝึกหัดที่ยากกว่าการพูดทั่วไป นั่นคือ การฝึกร้องเพลง "ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง" ของคุณอิ้งค์ วรันทร ถ้าใครเคยฟังจะรู้ว่า เพลงนี้ค่อนข้างปราบเซียน มีจังหวะที่อาจทำให้คุณหอบ จน Admit รพ.ได้ เนยบอกครูมิ้นว่า…เนยชอบเพลงนี้มาก เคยฝึกร้องเองอยู่หลายครั้งแต่เสียงไม่ถึงซะที แถมเหนื่อยหอบก่อนเลยเลิกฝึกไป แต่พอมาเจอครูมิ้น.. ครูมิ้น สามารถเปลี่ยนเรื่องยากให้กลายเป็นง่าย เปลี่ยนเรื่องที่ดูท้าทายให้เป็นโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายศักยภาพตัวเอง
เนยขอให้โอกาสนี้ ได้ขอบคุณครูมิ้นอย่างสุดใจ ขอบคุณที่คอยดูแล และ Support ให้เนยไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้นะคะ งื้ออออ รักมากมาย
อ่านมาถึงตรงนี้…คงมีใครอีกหลายคนที่เคยเจอปัญหาแบบการพูดแล้วเหนื่อยแบบเดียวกับที่เนยเจอ เนยบอกเลยว่า..คุณต้องอนุญาต!!??
อนุญาตตัวเอง ให้เป็นนักเรียนรู้… อนุญาตตัวเอง ให้เป็นนักลงมือทำ.. และอนุญาตให้ตัวเองมีพี่เลี้ยงแบบครูมิ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียง ในคลาส Voice Training
เรียนกับแบบตัวต่อตัว แก้ปัญหาเฉพาะจุดที่ออกแบบมาเฉพาะคุณคนเดียว ราคาดีมาก และที่สำคัญคุ้มค่ามากกับชีวิตที่เหลือ…ที่คุณจะไม่ต้องเป็นคน พูดแล้วเหนื่อย ดูไม่มี Energy อีกต่อไป
ครูเนย,
Passion To Win
ตัดสินใจไปเรียนเพราะอยากพัฒนาตัวเองอะไรก็ได้ สนุกๆ ทำอะไรออกนอก routine ที่ทำประจำ พอเจอครูมิ้น ครูบอกว่าเสียงไม่มีปัญหาอะไร เสียงมั่นใจ มีพลังอยู่แล้ว แต่พอลองให้พูดและครูฟังจริงๆ ปรากฏว่า เป็นคนกลั้นหายใจก่อนพูด และใช้เสียงตรงคอเยอะมาก ทำให้เวลาสอนเหนื่อยหมดแรงง่ายเพราะกลั้นหายใจ และทำให้พูดเร็ว เพราะกลัวหมดลมหายใจ และพอสังเกตตัวเองคือ นั่งเฉยๆ ก็กลั้นหายใจ... เลยได้หลักในการหายใจให้ถูกวิธีและพูดผ่อนคลาย เสียงที่ออกมาก็ทำให้น่าฟังขึ้นเยอะมาก
สิ่งที่ได้มากกว่านั้นที่ไม่คิดจะได้คือ
1. เสียงของเราที่ใช้คือมีรากความทรงจำจากวัยเด็ก 2. ไว้ใจตัวเราในการใช้ลมหายใจ เชื่อตัวเองว่าเอาอยู่ 3. หายใจถูกทำให้ผ่อนคลายข้างใน ทำให้ใจเย็นลง 4. ทัศนคติในการพูด พร้อมกับการใช้เสียง 5. การพูดคือการหายใจออก เน้น**
การเรียนเสียง ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เออ ชอบมาก ทำให้รักตัวเองมากขึ้น และใส่ใจกับตัวเองและรู้ power ของเสียง แถมครูมิ้นรื้อปมวัยเด็กเรื่องเสียงอีก มันล้ำลึกมากค้าาา
ณัฐยา,
ครู
ครูมิ้น ผู้อยู่เบื้องหลัง New Pear ความสุขออกหน้าออกตา เป็นงี้นี่เอง
บันทึก การเรียน Voice Control ถ้าใครที่เคยพูดคุยกันก่อนหน้านี้ ก็จะมี "ห๊ะ อะไรนะ" แทบทุกคน เป็นคนพูดเบามาก เสียงอยู่ในลำคอตลอด และใช่อีกนั้่นแหละเป็นอย่างงี้มาสามสิบกว่าปีแล้ว บวกกับช่วงหลังนี้รู้สึกเหนื่อยมากเวลาจะต้องพูด แค่พูดปกติเอง พยายามตะโกนก็ยังไม่ดัง นึกภาพเอามือถือจ่อปากอัดเสียง ยังไม่ได้ยินเลย ตอนนี้ยืดสุดแขนอัดก็ดังแล้ว ความรู้สึกที่ตัดสินใจไปเรียน ทำไมเราต้องเหนื่อยกับธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนทำเป็นปกติด้วย มันอึดอัดมากเลย ที่ต้องพยายาม อยากก้าวผ่านคำว่า "ห๊ะ อะไรนะ" สุดๆ พอไปเรียนตั้งแต่วันแรกมันฟีลกู๊ดดดดดดมาก แบบยิ้มแก้มบาน กลับบ้านเลย รู้สึกได้ปลดล็อคตัวเอง มันโล่งมาก ได้รู้ว่าที่ผ่านมา หายใจผิดมาตลอด เหมือนมีลมหายใจเพื่อดำรงชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่ได้เพื่อการพูดเลยสักนิด กลั้นหายใจตอนพูดนี่เองถึงได้เหนื่อย ท้ายประโยคจะหมดลมหายใจแล้ว ช่วงนี้ต้องอาศัยการฝึกให้ชิน ต่อจากนี้เป้าหมายของแพร์คือ ทุกคนจะไม่ต้อง "ห๊ะ อะไรนะ" กันอีก ถ้าไม่สติหลุด ก็จะทำได้ นี่ล่ะ New Pear เจอกันฉบับปรับปรุง ถ้าใครเจอปัญหาเดียวกันแนะนำไปเรียนเลย มันจะรู้สึกดีขึ้นกับตัวเองมากๆ และการพูดเป็นส่วนนึงของบุคลิคด้วย มันสำคัญอยู่น้า อย่าหยุดพัฒนาตัวเองกันนะ เพื่อเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเรา
ปล.สมัยก่อนฟังเพลงครูบ่อยมาก "สักวันคงเจอ" ชอบมาก และตอนนี้กำลังฝึกร้องเพลงด้วยการปรับลมหายใจด้วย มันคือขั้นกว่าของการพูด ถ้าทำได้ดีการพูดจะจิ๊บๆมากเลย ซึ่งวันนี้ทำได้แล้ว คุมเสียงดีกว่านี้เดี๋ยวจะส่งการบ้านนะคะ รับรองไม่ลืม จะฝึกทุกวันเลย
Pear Isaraporn,
ธุรกิจส่วนตัว
ผมมีอาชีพเป็นยูทูปเบอร์ เวลาพูดอัดเสียง คือเราจะเหนื่อยง่าย หอบตลอดเวลาที่พูด แล้วเวลาฟังเสียงตัวเอง มันดูเนือยๆ ง่วงๆ พูดเร็ว ฟังไม่รู้เรื่อง เราเองก็รู้ว่าเราเป็นแบบนี้ มีคนทักว่าเรามีปัญหาเรื่องการออกเสียง เราเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องไหนควรแก้ เรื่องไหนไม่ควรแก้ หรือถ้าควรแก้ไขยังไง พอได้มาเรียนกับครูมิ้น ครูสอนกันเอง ชี้ให้เห็นปัญหาของเราชัดเจนขึ้นว่าแท้จริงแล้วมันเกิดจากอะไร ฝึกกับครูมิ้นตรงนั้นเลย เพื่อจะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ฝึกไปแก้ไป และมีการบ้านเพื่อให้แก้ไขสิ่งที่เราติด หลังจากเรียน ปัญหาทุกอย่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการเหนื่อยน้อยลง เสียงที่ดูง่วงๆ เนือยๆ ก็หาย พูดชัดเจนขึ้น ทำให้ระยะเวลาทำงานของเราลดลง จากเดิมอัดเสียงทำคลิปทีประมาณ 90-120 นาที เหลือเพียง 75-90 นาที ทำงานเร็วขึ้นและคุณภาพก็ดีขึ้นอีก ขอบคุณครูมิ้นมากๆ ครับ
บอย,
ยูทูปเบอร์
ความประทับใจในการเรียนคอร์ส Voice training
การรับฟัง
คอร์สนี้ไม่ใช่รูปแบบการเรียนตามใจผู้สอน แต่เป็นการรับฟังผู้เรียนว่าต้องการอะไรจากคอร์สนี้ ทำให้เป็นคอร์สที่ตรงใจกับผู้เรียนมากๆ
ประสบการณ์ของครูมิ้น
การที่ครูมิ้นสอนเรื่อง Voice มาเยอะ ทำให้ได้เจอเคสที่หลากหลาย ดังนั้นหลังจากที่ทราบวัตถุประสงค์ ครูมิ้นสามารถให้คำแนะนำได้ตรงจุด เปรียบเสมือนเราได้พบคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญเฉพาะด้าน
ความเป็นมิตร
เรียนกับครูมิ้น ไม่มีความเครียดเลยค่ะ เหมือนได้มานั่งพูดคุยกับเพื่อน แต่ต่างกันตรงที่ เพื่อนจะคอยรับฟัง และให้กำลังใจเรา ครูมิ้นจะให้วิธีแก้ปัญหา และสามารถวิเคราะห์สาเหตุได้ตรงจุด
ความใส่ใจ
ครูมิ้นจะคอยติดตามผล ติดตามความคืบหน้าตลอด ว่าได้ลองทำหรือยัง ผลเป็นอย่างไรบ้าง มีข้อสงสัย มีข้อติดขัดอะไรบ้าง จนรับรู้ได้ว่าครูมิ้นมีความตั้งใจในการแก้ปัญหาให้เราจริงๆ บางครั้งงานเรายุ่ง เรายังแอบลืมว่าจะส่งผลให้ครูมิ้นวันไหน แต่ครูมิ้นไม่ลืม ติดตามผล ตลอดน่ารักมาก
ท้ายสุดอยากจะบอกครูมิ้นว่า ดีใจจริงๆ ค่ะ ที่ได้มีโอกาสเรียนกับครูมิ้น ประทับใจมากๆ ด้วยค่ะ
1 ส.ค. 2565
อรทัย แสงเทียนชัย,
พนักงานบริษัท
ช่วงหลังนี้มีงานดูแลผู้ป่วยที่ต้อง VDO call บ่อยขึ้น และมีงานฝึกเป็นครูสอนออกกำลังกายพิลาทิส ก็ต้องใช้เสียงใช้พลังมากๆ นานๆ กว่าเดิม ปรากฎว่าเมื่อยคอช่วงด้านหน้ามาก
ตอนแรกที่ปรึกษาครูมิ้นไป ก็อายๆ กลัวครูจะไม่เข้าใจนะ แต่ครูมิ้นรับฟังปัญหา วิเคราะห์ และประมวล solution ให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดจริงๆ ครูมองออก และอธิบายง่ายๆ ว่าเราพลาดอะไรไป ต้องเลิกทำ และอะไรที่ควรสร้างขึ้นมาเพื่อปรับปรุง พัฒนาด้วยการฝึก
ครูมิ้นชี้ให้เข้าใจว่าตัวเราเองกดเสียงต่ำโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นส่งผลโดยตรงต่อกล้ามเนื้อบริเวณคอ คือทำให้เมื่อย แถมยังส่งผลต่ออารมณ์ของเรา และทำให้บุคลิกภาพเป็นคนที่ดูขึงขัง ดุดัน และไม่ผ่อนคลาย
ครูมิ้นสอนให้ปรับโทนเสียง มีแบบฝึกให้ควบคุมลมจากท้อง แนะนำให้เราพาเสียงพุ่งออกไปสู่เป้าหมายได้โดยไม่ต้องใช้แรงเค้นที่คอ อาการเมื่อยคอหายไปเลย ตอนนี้ทำงานใช้เสียงได้นานขึ้นแล้ว
ส่วนตัวเองรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเมื่อปรับโทนเสียง เพื่อนๆ บอกว่า เหมือนเป็น new version แบบนี้รู้สึกสดใส ร่าเริงกว่าที่เคย อีกเรื่องคือการใส่หน้ากากช่วงโควิด ทำให้การแสดงออกทางสีหน้าถูกบังไปหมด บางครั้งเห็นแค่ลูกตาซึ่งไม่ค่อยช่วย แต่เราได้ใช้เสียง ให้เหมือนเป็นตัวแทน สื่อความรู้สึกดีๆ ให้ได้ยินกัน
ครูมิ้นสอนการหายใจให้สัมพันธ์กับการเปล่งเสียง อันนี้เป็นการฝึกสติได้ดีมาก ทำให้เราได้มีเวลาแม้ช่วงหายใจเข้าสั้นๆ ก่อนพูด ก่อนเปล่งเสียง แค่นี้เราก็ได้ทบทวนสิ่งที่กำลังจะพูดออกไปก่อนแล้ว อันนี้เป็นการฝึกให้เรา ได้พิจารณาสัมมาวาจา และสัมมาสติอีกทางหนึ่ง
คอร์สนี้ เป็นคอร์สเปิดโลกเลยค่ะ ทำให้เห็นตัวเองด้วยมุมมองใหม่ ดีใจที่ได้เรียนกับครูมิ้นนะคะ
ณชญาดา วิศวโยธิน,
ธุรกิจส่วนตัว
ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนนะครับ
โดยปกติก็มีการสอนหรือการจัดงานสัมมนาอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว แต่เมื่อโควิดมาถึง การให้สัมภาษณ์หรือการสอนต้องทำผ่านทางออนไลน์ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากเดิมมาก และการใช้เสียงของผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่
โชคดีที่ได้ลงเรียนหลักสูตรการใช้เสียงกับครูมิ้น ครูมิ้นตั้งใจสอนมาก สอนเข้าใจง่ายและเอาใจใส่ผู้เรียนอย่างมากครับ
หาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนแนว VI ชื่อดังของโลกกล่าวว่า "การลงทุนที่ดี คือการลงทุนในตัวคุณเอง"
ผมก็จะขอบอกว่า "หากการลงทุนที่ดีคือการลงทุนในตัวคุณเอง การลงทุนด้วยการเรียนกับครูมิ้น ก็เป็นการลงทุนที่ดีอย่างมากครับ"
เพียรศักดิ์ แซ่เบ๊,
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
เป็นคนมีปัญหาเรื่องเสียง แหบแห้ง คนฟังหลายคนมักจะทักว่าเราเป็นหวัดหรือเปล่า พูดแล้วเหนื่อย เจ็บคอ พูดเร็ว คนอื่นฟังไม่ทัน
ดีใจมากที่ครูมิ้นสามารถแก้ทุกปัญหาของพี่นกได้จริง เห็นผลจริง ใส่ใจในทุกรายละเอียด บางปัญหาที่ไม่ได้บอก ครูก็ช่วยปรับ ช่วยแก้ให้ การมีน้ำเสียงและการพูดที่ดี ช่วยปรับบุคลิกภาพของเราให้ดูดี น่าเชื่อถือขึ้นมากเลยค่ะ ขอบคุณครูมิ้นนะคะ
แสงดาว สุทธิสา,
พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ครูมิ้นสอนสนุก เข้าใจง่าย ครูชี้ให้เห็นว่าที่มาของปัญหาในการออกเสียงของเราคืออะไร แล้วจะต้องปรับแก้ยังไง ซึ่งครูมิ้นจะเลือกวิธีการที่เหมาะกับเรา มีให้เรากลับไปฝึกด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีชึ้น
เป็นการเรียนที่มีความสุขและสนุกมากๆ ค่ะ
ดีย่า
ขอบคุณที่จัดทำคอร์สนี้ขึ้นมานะคะ ดีมาก สนุกมาก ทำให้เรื่องเสียงที่เหมือนจับต้องไม่ได้ กลายเป็นเรื่องเข้าใจง่าย
ครูถ่ายทอดความรู้เต็มที่มากๆ และใจเย็นกับนักเรียนที่ออกเสียงผิดมาทั้งชีวิต 555 ครูสอนเหมือนปัญหาของเราก็เป็นปัญหาของครูด้วย คือแนะแนวทาง ช่วยหาแบบฝึกหัดที่เหมาะสมกับเรา ช่วยแก้ไขอย่างตรงจุด พอเราไปฝึกฝนต่อก็เห็นผลลัพธ์ชัดเจน เริ่มมีกำลังใจในการออกเสียง กล้าพูด กล้าทำมากขึ้น เกิดเป็นพลังงานดีๆในตัวเองจนอยากพัฒนาตัวเองในด้านอื่นด้วย
สุดท้ายแล้วอยากขอบคุณครูอีกครั้งที่ทำให้รู้ว่าเราสามารถเป็นตัวเองในแบบที่ดีกว่าเดิมได้ค่ะ
อโรชา,
พนักงานบริษัท
ครูใจดีมากค่ะ สามารถวิเคราะห์และช่วยนักเรียนได้ตรงจุด นอกจากจะช่วยแนะนำให้รู้จักแก้ปัญหาเสียงเบาแล้ว มาเรียนกับครูทำให้รู้ว่าเราเป็นคนพูด monotone อีกด้วย
สูรอยดา
เดิมเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องเสียงขึ้นจมูก เสียงแบน ไม่น่าฟังครับ บังเอิญเห็นคลิปครูมิ้นในยูทูป รู้สึกชอบมากว่าทำไมเสียงคนนี้เค้ามีพลัง น่าฟังจัง เลยรู้สึกว่าอยากมีเสียงที่กังวาน ไพเราะแบบนี้เลยลงเรียนดูครับ ตอนแรกเรียนออนไลน์ไป 2 ครั้ง ครั้งสุดท้ายมาเจอตัวจริง รู้สึกพัฒนาขึ้นมากครับ ครูชี้ให้เห็นจุดที่เราต้องปรับปรุงและพัฒนาของเราที่เรามองไม่เห็นตัวเองจริงๆ แนะนำเลยครับสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องเสียงครับ
บัณฑิต ศิริวรกุลชัย,
แพทย์
ขอบคุณครูมิ้นมากๆ เลยค่ะ ที่ทำคอร์ส voice training ดีๆ แบบนี้ขึ้นมา
ส่วนตัวมีปัญหาเสียงแหลม ลิ้นคับปาก ติดพูดยานคาง เคยได้ยินว่ามีสอนการใช้เสียง เลยกูเกิ้ลหาข้อมูลมาเจอครูมิ้น ตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวเองเลย แค่คิดว่าเรียนจบสามครั้ง อย่างน้อยน่าจะทำให้เสียงไม่แหลมเหมือนเดิม แต่ครูมิ้นสอนละเอียดมาก ครูสามารถวิเคราะห์ปัญหานักเรียน รู้ว่าเราคิดยังไงจึงแสดงออกมาด้วยการใช้น้ำเสียงแบบนั้น และช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากๆ
หลังเรียนครั้งแรกก็รู้ทันทีว่าปัญหาของเราไม่ใช่เนื้อเสียงไม่ดีแบบที่เข้าใจมาตลอด แค่ไม่รู้จักวิธีใช้เสียงที่ถูกต้อง เรียนครั้งแรกก็เห็นพัฒนาการของตัวเองแล้วค่ะ รู้จักระบบการออกเสียงและวิธีการหายใจที่ถูกต้อง พอเรียนจบครั้งที่สองก็รู้จักการใช้ส่วนเสริมของเสียง ส่วนครั้งที่สามจบคอร์ส ครูมิ้นสอนให้มีจังหวะการพูดและรู้จักสื่อสารอารมณ์กับคนที่เราพูดด้วย
เป็นการเรียนสามครั้งที่มีคุณภาพและคุ้มค่ามากๆ ค่ะ สามารถอัดเสียงส่งให้ครูช่วยคอมเม้นท์เพื่อพัฒนาตัวเองด้วย เลิฟครูมิ้นมาก จะตั้งใจฝึกต่อไปเรื่อยๆ เลยค่ะ
น้ำหอม,
พนักงานบริษัท
ครูมิ้นน่ารัก ใจดี ใส่ใจในการสอนมากๆ เลยค่ะ หลังจากเรียนจบคอร์สก็รู้สึกมั่นใจในการพูดขึ้นเลยค่ะ พึ่งรู้ว่าตัวเองติดแพทเทิร์นบางอย่างตอนพูด ถ้าครูมิ้นไม่บอกก็ไม่รู้นะคะ 5555 ตอนนี้ก็ได้รับการแก้ไข และฝึกใหม่แล้วค่ะ^^ ขอบคุณนะค้าาา
เจนนี่,
นักเรียน
ขอบคุณครูมิ้นมากนะคะ ครูมิ้นสอนดีมากๆ ค่ะ ทำให้การใช้เสียงดีขึ้นทั้งในการทำงานและส่วนตัว ปัจจุบันทักษะด้านนี้สำคัญเลยตั้งใจไปเรียนเพื่อแก้ไขตัวเองก่อน และทำได้จริง ก่อนตัดสินใจเรียนได้ศึกษาหลายหลักสูตรนะคะ แล้วก็สนใจหลักสูตรครูมิ้น ไม่ผิดหวังเลยค่ะ บอกต่อแน่นอนค่ะ
หนุ่ย,
พยาบาล
ดีใจที่ตัดสินใจถูกในการโดดเรียนแล้วมาเข้า workshop กับครูมิ้นในครั้งนี้ค่ะ เข้าใจมาตลอดชีวิตว่าเป็นคนเสียงเด็ก จนกระทั่งได้มาเรียนกับครู แล้วได้รับ feedback จากครูมิ้นและเพื่อนๆ ว่าเป็นคนเสียงเพราะ และก็คุยกับพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตั้งแต่วันแรกว่า "เฮ้ยพี่ เราเพิ่งพูดเป็น วันแรกในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา" ขับรถกลับบ้านวันแรกเป็นวันที่มีความสุขมากกับการใช้เสียงวิธีใหม่
นอกจากนี้ ขอบคุณครูที่ทำให้พบว่าปัญหาจริงๆ คือ Energy ที่เราต้องส่งไปให้ถึงคนฟัง และให้ feedback ตอนยืนข้างๆ ครู สัมผัสได้ในวิถีใหม่เลยค่ะ ว่าเราต้องส่งพลังงานให้ได้เท่าที่ครูสอน (Energy แรงกล้ามากค่ะครู) และข้อค้นพบใหม่คือ ใช้พลังงานออกมามากขึ้น ยิ่งมีความสุขมากขึ้น ถ้าไม่ได้มาเรียนกับครูคงไม่เข้าใจสมการนี้ ขอบคุณครูมิ้นมากค่ะ
สุทธิดา พลายงาม,
อาจารย์
ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณครูมิ้นมากๆ ค่ะ ตอนนี้ทราบแล้วว่าต้นเหตุของปัญหาการออกเสียงคืออะไร และรู้วิธีแก้ที่ถูกต้อง รู้สึกมั่นใจในการออกเสียงของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ ตอนนี้ก็พยายามปรับตามที่ครูมิ้นสอน พยายามใช้ให้ชินมากขึ้น เพราะเราติดนิสัยการพูดแบบเดิมมานานต้องใช้เวลาปรับไปซักพักค่ะ แต่ก็รู้สึกได้กับตัวเองว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นค่ะ ครูมิ้นสอนทั้งการออกเสียง และการมี mindset ที่ดีต่อตัวเอง ซึ่งคิดว่าทั้งสองเรื่องสำคัญและเกี่ยวข้องกันมากๆ ค่ะ ขอบคุณครูมิ้นมากๆ เลยค่ะ
แสงตะวัน ศรีวีระวานิชกุล,
ธุรกิจส่วนตัว
คลาสครูมิ้นสนุกมากค่ะ ไม่คิดว่าการเรียน voice training จะสนุกได้ขนาดนี้ ครูมิ้นใส่ใจในการสอน และมีความตั้งใจที่อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้ทุกคน บรรยากาศในคลาส relax มากแต่ในขณะเดียวกันก็อัดแน่นด้วยองค์ความรู้ และเทคนิคต่างๆ ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงเสียงของเรา แค่เพียงข้ามวันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของแต่ละคนอย่างกับเสกได้
เพื่อนๆ ทุกคนในคลาสก็น่ารัก เป็นกันเอง และพร้อมจะช่วยเหลือกัน เป็นกำลังใจให้กัน เป็นทั้ง commentator และ กองเชียร์ไปพร้อมๆ กัน เป็น 2 วันที่มาเรียนแล้วรู้สึกเหมือนมาเล่นมากกว่ามาเรียน ได้ทั้งค้นพบเสียงที่เหมาะกับเรา และปลดปล่อยเสียงหัวเราะ ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ค่ะ ที่พาตัวเองมาอยู่ในห้องเรียนนี้ ขอขอบคุณครูมิ้น และเพื่อนๆ ทุกคนมากค่ะ
บงกช โลหะกมลชัย,
Sales specialists
ขอบคุณครูมิ้นมากนะคะ ขอบคุณที่ทำคอร์สนี้ขึ้นมา ทำต่อไปนะคะ คือบางทีเราไม่รู้ว่าตัวเราพัฒนาแค่ไหนน่ะค่ะ แต่รู้แน่นอนว่าการออกเสียงดีขึ้นค่ะ ชอบเวลาที่พูดแล้วมันรู้สึกโปร่งในลำคอ มันไม่ได้ตะเบ็งค่ะ เชื่อว่าตัวเองจะพัฒนาต่อได้อีกค่ะ เพราะเรารู้จักวิธีการออกเสียงที่ควรจะทำแล้ว มีเป้าหมายแล้ว แล้วจะฝึกต่อค่ะ
รู้สึกดีใจมากๆ ที่ตัดสินใจลงเรียนกับครูมิ้นค่ะ (ตอนเห็นเพื่อนบางคนที่มีพัฒนามากๆ มันทำให้เรารู้ว่า เราทำได้แน่นอน เพราะมีคนทำได้ เราก็ต้องไปได้ การพัฒนาการของเพื่อนคนอื่น เป็นพลังใจที่ดีมากค่ะ สอนเป็นกลุ่มมันดีนะคะ)
ปนัดดา นนทนำ,
อาจารย์
เมื่อวานที่ไปบรรยาย ทุกคนบอกพลังเยอะมาก ขอบคุณครูมิ้น และเพื่อนทุกคนที่ช่วยคอมเม้น ทำให้สามารถพัฒนาการใช้เสียงได้ดีขึ้น ดีใจที่ตัดสินใจเรียนคอร์สนี้ ขอบคุณค่ะ
ประนอม อัศววิบูลย์พันธุ์,
ทนาย & MLM
Right off the bat, Mint is a stellar and seasoned voice trainer. Her youthful energy invitingly encourages class participants to engage in her well-designed exercises and activities that eventually pay off.
Before the commencement of the class, learners from all walks of life are struggling to cope with different sorts of voice-related issues, including a lack of confidence when conducting a presentation, a difficulty in delivering a lecture to a crowd of students for hours on end, or adopting the inappropriate tone of voice while making a sales pitch.
Thanks to Mint's dedication and vibrant personality, all enthusiastic participants are equipped with a variety of tools and emboldened to give their peers constructive comments. It is this instant and helpful feedback that makes it possible for learners to achieve dramatic progress only within two days.
All in all, the Voice Training course instructed by Mint truly offers something for everyone.
Eakachai S.,
An Interpreter
ใช้เสียงในการทำงานเยอะมาก ตั้งแต่บ่นลูก ด่าสามี คุยกับลูกค้า โทรศัพท์ติดต่องาน 8-10 ชม. ต่อวัน พรีเซ้นต์งาน อัดรีวิวยูทูป ปาร์ตี้กรี้ดกร้าดทุกสัปดาห์
บางทีก็คิดนะ.... ถ้าเราสามารถใช้เสียงโทนที่เราใช้ร้องเพลง มาใช้กับทุกกิจกรรมได้คงดีนะ เพราะทุกทีที่เราร้องเพลง เราร้องได้เป็นวันๆ แบบไม่เมื่อยไม่เหนื่อย ไม่เจ็บคอ (เราผ่าน workshop ร้องเพลงมาเยอะ สมัยสาวๆ) แต่เวลาพูด บางทีก็โทนต่ำไป บางทีก็แหลมไป รู้สึกไม่สบายคอเวลาต้องพูดเยอะๆ แล้วเราต้องใช้เสียงประมาณไหน ลมในการพูดนี่ต้องเค้นออกมาจากรูไหน เกิดมาแม่สอนให้พูด แต่แม่ไม่ได้สอนว่าต้องเปล่งเสียงอย่างไรให้ถูกต้อง
เลยตัดสินใจว่า...เอาล่ะ เพื่อคุณภาพที่ดีของเสียงพูดในชีวิตประจำวัน และพูดอย่างไรให้พูดได้ทั้งวันแบบไม่เจ็บคอ จ่ายตังค์ทันทีแบบไม่รีรอ
พอได้ลงเรียนนี่ อื้อหื้อออออเลย เทคนิคครูมิ้นดีมากกกก เข้าใจถึงระบบการสั่นสะเทือนของเส้นเสียง จนถึงระดับเร้นจ์เสียงของเราที่ทำให้น่าฟัง และเป็นธรรมชาติของตัวเรา โดยไม่ต้องดัดเสียง บีบเสียงให้แลดูดัดจริตแต่อย่างใด
บอกเลยทุกคนควรเรียน!!!!
ปารณีย์ ครองบุญยิ่ง,
นักธุรกิจ
ไม่เคยคิดว่าเสียงตัวเองมีปัญหา จนวันนึงบังเอิญได้ยินเสียงตัวเองจากเครื่องบันทึกแล้วรู้สึกว่าเสียงแหลม เล็ก ฟังแล้วดูเด็กมาก คนใกล้ตัวเคยบอกว่าเสียงเหมือนตัว chipmunk ประกอบกับเป็นคนชอบร้องเพลง แต่ก็รู้ตัวว่าร้องเพี้ยน และเนื่องด้วยในหน้าที่การงานที่ทำต้องใช้เสียงมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกเจ็บคอ
คลาสครูมิ้นสอนให้รู้จักการใช้ช่องเสียง และการเปล่งเสียงที่ถูกต้อง ครูมิ้นเป็นคนทุ่มเท สอนสนุก มีพลัง และสร้างบรรยากาศในห้องให้ตื่นตัวตลอดเวลา เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนๆ และตัวเราเองได้ตั้งแต่วันแรกเลย และที่ประทับใจคือการติดตามเอาใจใส่ของครูหลังจากจบคลาสไปแล้ว อยากแนะนำเพื่อนในทุกสายอาชีพ ถ้าคุณต้องใช้เสียง และมีปฏิสัมพันธ์กับคน มาเรียนเลยค่า
ดารินทร์ ลิ้มสวนทรัพย์,
ช่างภาพ
ครูมิ้นมีเทคนิคการสอนที่ยอดเยี่ยมมาก สอนให้เข้าใจตั้งแต่อวัยวะที่ใช้เปล่งเสียง ต้นกำเนิดพลังเสียง ไปจนถึงการปรับโทนเสียงที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ทำให้เราเข้าใจ และออกเสียงได้ถูกต้อง ถึงแม้จะใช้เวลาเรียนสั้นๆ เพียง 3 ครั้ง แต่ได้ผลจริง
ก่อนมาเรียนมีปัญหาเสียงเบา พูดมากๆ จะเจ็บคอ หลังจากได้เทคนิคจากครูมิ้น นำไปฝึกแล้ว สามารถเปล่งเสียงดังได้อย่างสบายๆ (ไม่เจ็บคอ ไม่เป็นการตะโกน) ในขณะเดียวกันยังเลือกใช้โทนเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลได้อีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเสียงจะช่วยเปลี่ยนบุคลิกจากที่ดูดุ จริงจัง เป็นอ่อนโยน นุ่มนวล เพียงแค่ปรับโทนเสียง
รู้สึกคุ้มค่าที่ได้มาเรียน เป็นการสร้างนิสัยการออกเสียงใหม่ที่ถูกต้อง สามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิตเลยค่ะ
ปราณี วงศ์อำนวยกุล,
พนักงานบริษัท
จากที่เป็นครูสอนหนังสือมามากกว่า 15 ปี ยังรู้สึกว่าน่าจะปรับให้สอนดีขึ้นได้อีก เลยลองดูเรื่องการใช้เสียงใน google แล้วเสิร์ชเจอครูมิ้น profile และรายละเอียดน่าสนใจมากเลยสมัครเรียน voice training 6 ชม. แค่เรียนรอบแรกรู้สึกว่า สิ่งนี้ใช่เลย! น่าสนใจมาก ได้รู้ basic วิธีการใช้เสียงที่เหมาะสม การใช้เสียงที่ควรเลี่ยง ทึ่งกับอิทธิพลของเสียง (ที่เราไม่เคยใช้) เรียนสนุก รู้สึกสดใสเหมือนได้ย้อนวัยเลยทีเดียว 55
ครูมิ้นใจดีมากกกก เอาใจใส่ ให้กำลังใจนักเรียนมากๆ แบบอยากให้ได้ดีจริงๆ เชื่อมั่นนับถือในจิตวิญญาณครูค่ะ นอกจากเรื่องการใช้เสียงครูมิ้นได้ให้คำแนะนำตรงประเด็นที่เป็นประโยชน์ไปพัฒนาการสอนของเราด้วย รู้สึกขอบคุณมากที่ครูมิ้นเปิดสอน ดีใจมากที่ได้มาเรียนค่ะ
การได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง ก็ทำให้เราเข้าใจนักเรียนขึ้น ได้เห็นแบบอย่างจากครูมิ้นที่จะเอาไปปรับใช้ อยากให้นักเรียนเราเรียนสนุกขึ้น แม้เนื้อหาจะแน่นนะจ๊ะ ; )
เรียนจบแล้วได้เสียงที่ใช่ มีพลังใจ เปิดมุมมองใหม่ เราจะฝึกฝนและพัฒนาต่อไป ฮึบ!
อ.พญ. มาลี วรรณิสสร (มี่),
ครู / พยาธิแพทย์
เป็นคนที่เวลาพูดแล้ว รู้สึกว่าเสียงจะราบเรียบ แบนๆ อู้อี้ๆ ปกติก็เป็นคนเรียบร้อยอยู่แล้ว พอพูดเสียงก็ราบเรียบเข้าไปอีก ก็รู้สึกอยากปรับปรุงเสียงตัวเอง แล้วธรรมะก็จัดสรรให้ได้มาเจอครูมิ้น
ครูสามารถทำให้เราเปลี่ยนความรู้สึกจากที่ไม่เคยชอบเสียงตัวเองกลายมาเป็นชอบได้ ด้วยเทคนิค การสอนที่เข้าใจง่าย ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงเสียงได้ พูดได้ชัดเจน เสียงดังและมีพลังมากขึ้น ที่สำคัญยังบอกเคล็ดลับการใช้เสียงกับคนอื่นหรือสถานการณ์อื่นตามที่เราต้องการได้ด้วย (ซึ่งเอาไปใช้แล้ว พี่ว่าได้ผลดีเลยค่ะครู😉)
ในระหว่างที่เรียนกับครูมิ้น นอกจากความเอาใจใส่ที่มีต่อผู้เรียนแล้ว ครูยังมีความน่ารักและเป็นกันเอง ทำให้เราสนุกและผ่อนคลาย แถมครูยังเก่งมาก มีความรู้รอบด้าน ที่เรานำไปใช้ได้ในชีวิตจริง เป็นการมาเรียนที่ได้มากกว่าการเรียน Voice เพียงอย่างเดียว เอาเป็นว่าเรียนจบแล้ว แต่พี่ยังไม่อยากจบ ยังอยากเรียนต่ออีกเรื่อยๆเลยค่ะ😆
จิราพรรณ ปัญญาเกียรติคุณ,
ธุรกิจส่วนตัว
ขอบคุณครูมิ้นท์มากๆนะคะ ได้อะไรเยอะมากๆ เมื่อยคอน้อยลง แล้วก็รู้สึกมั่นใจเวลาพูดมากขึ้นเยอะมากๆ เจอครูมิ้นเหมือนได้เติมพลังงานบวกด้วย ^^ ไว้มีโอกาสน่าจะได้เจอกันอีกแน่นอน 🙂 จะฝากตัวเป็นศิษย์ร้องเพลง อิอิ
พาศิกา ศรีวรรณา,
ธุรกิจส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ปัญหาที่มีคือเป็นคนเสียงโมโนโทน และเวลาคุยกับใครรู้สึกว่าดูไม่เป็นมิตร เลยบางทีไม่กล้าคุยกับใคร และพูดเสียงอยู่ในลำคอดูไม่มั่นใจ เลยตัดสินใจมาเรียน Voice Training เพราะรู้สึกไม่มั่นใจเวลาพูดคุยกับคนอื่น พอมาเรียนที่นี่ ครูมิ้นสอนตั้งแต่การออกเสียงที่ถูกต้อง ทำให้เสียงเราดูหนักแน่นและมั่นใจขึ้น ไปจนถึงการปรับน้ำเสียง และแนะนำวิธีเลือกใช้โทนเสียงให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ รู้สึกคุ้มที่มาเรียนจริงๆ ค่ะ เพราะน้ำเสียงมีส่งผลต่อความรู้สึกเราและคนฟังจริงๆ เสียงที่ดูมั่นใจและมีพลัง ร่าเริง ก็ช่วยให้รู้สึกดี รู้สึกมั่นใจในตัวเองได้
นอกจากนี้ระหว่างเรียนครูยังค่อยแนะนำเรื่องอื่น เช่นบุคลิก หรือช่วยแนะนำเรื่องความมั่นใจในตัวเอง ตลอดการเรียนครูจะค่อยช่วยกระตุ้นและใส่ใจตลอด อีกทั้งการเรียนยังดูเป็นกันเองและไม่เครียด เรียนจบเข้าใจวิธี ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย ขอบคุณครูมิ้นมากๆเลยค่ะ
เตย,
สถาปนิก
ครูมิ้นตั้งใจสอนมาก ลงเรียนแบบเร่งด่วนครั้งเดียว ก็จัดเต็มแบบไม่กั๊ก ช่วยเราค้นหาสาเหตุของเสียงที่ผิดปกติเพื่อปรับได้อย่างตรงจุด การได้เรียนรู้เรื่องนี้กับครูมิ้นถือว่าคุ้มค่ามาก ทุกคนควรเรียนค่ะบอกเลย 😊
สิริมา ขจรวุฒิเดช,
ผู้บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด
คนเราต้องไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนา นักกีฬาอาชีพทุกคนยังต้องมีโค้ช กับพิธีกรอาชีพก็เช่นเดียวกัน ดีใจที่ได้มาเรียนและฝึกการออกเสียงกับครูมิ้นนะครับ
แดนนี่ เบล็สซิ่ง,
พิธีกรอาชีพ / DJ
เคยมีคํากล่าวว่า “เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทําความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด” ในหลักการสื่อสาร ผู้ส่งสารที่ดีจึงต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจน เสียงที่เปล่งออกมาจากการพูดจึงเป็นเรื่องที่สําคัญมากในการสื่อสารไปถึงผู้รับสาร ซึ่งนอกจากจะช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดีแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสาร เพราะแม้ว่าผู้พูดหรือผู้ส่งสารจะเก่งมีความรู้ความสามารถเพียงใด แต่ถ้าสื่อสารด้วยเสียงที่ไม่ชัดเจน พูดไม่ชัด พูดเบาเกินไป เสียงขาดพลัง ฯลฯ เหล่านี้ย่อมมีผลกระทบต่อผู้รับสาร และการสื่อสารอาจขาดประสิทธิภาพไปอย่างน่าเสียดายอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ปัญหาเหล่านี้มีเทคนิคที่แก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ในเรื่องของ voice training ที่จะช่วยชี้แนะแนวทางการแก้ไขที่ถูกต้อง
สาเหตุที่มาเรียนคลาส voice training กับครูมิ้น เนื่องจากอยากจะพัฒนาตนเองให้มีการสื่อสารที่ดียิ่งขึ้น รู้สึกว่าตนเองพูดไม่ชัด จังหวะการพูดรวบคําเกินไป บางครั้งอาจฟังไม่ชัดเจน คิดมาตลอดว่าอยากแก้ไขให้ดีกว่านี้ การพูดของเราต้องดีกว่านี้ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งของงานจะมีการพูด การบรรยายวิชาการ การเสนอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในที่ประชุม ซึ่งการใช้เสียงที่ดีแสดงถึงบุคลิกภาพที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การสื่อสารดีขึ้นเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การใช้เสียงที่ถูกต้อง ช่วยในเรื่องสุขภาพเสียงของเราในระยะยาวด้วย ก่อนหน้าที่จะมาเรียนกับครูมิ้น รู้สึกตัวเองมาตลอดว่าเวลาพูดนานๆ แล้วจะรู้สึกเจ็บคอ รู้สึกเหนื่อย ซึ่งเราน่าจะมีการใช้เสียงที่ผิดวิธีแน่ๆ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร พยายามแสวงหาผู้ที่จะช่วยเราได้ เคยไปเข้าคอร์สเกี่ยวกับการพูดราคาเป็นหมื่นเพราะเชื่อว่าผู้สอนน่าจะช่วยเราได้ การไปเรียนครั้งนั้นทําให้ได้บทเรียนมาแนะนําคนอื่นๆ ต่อว่า หากเราคิดว่าปัญหาของเราต้องแก้ไขด้วยผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่อง voice จงไปเข้าคลาสที่ผู้สอนศึกษามาทาง voice โดยตรง เพราะถ้าเราเพียงหาคอร์สตามอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เต็มไปหมด ผู้สอนแต่ละคนก็มีโปรไฟล์ต่างกัน พยายามนําเสนอว่าตนเองมีชื่อเสียงโดดเด่นแบบไหนบ้างเพื่อดึงดูดผู้เรียน แต่จากประสบการณ์ต้องขอแนะนําเลยว่า ให้พิจารณาว่าผู้สอนจบมาทาง voice หรือไม่เป็นสิ่งสําคัญที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาพิจารณาแค่เปลือกนอกของคอร์สที่ดูดี ผู้สอนมีชื่อเสียง (แต่ไม่ได้จบมาทาง voice) พอไปเรียนจริงๆ แตะเรื่องการพัฒนาเสียง ปรับปรุงเสียงน้อยมาก ครูบอกให้เปล่งเสียงออกมาจากท้อง ใช้มือแตะที่ท้องเรา ครูเท่านั้นที่รู้ว่าเราออกเสียงถูกไหมแล้วเดินจากไป ไปดูนักเรียนคนอื่น เราก็ไม่เคยเข้าใจว่าอะไรคือ “ออกเสียงออกมาจากท้อง” อยากจะทําให้ได้แบบนั้น แต่ไม่ทราบว่าจะทําอย่างไร จบคอร์สนั้นมาก็ยังไม่เข้าใจ จนมาได้เจอครูมิ้น ซึ่งเทคนิคง่ายๆ ของครูมิ้นนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ให้เรา “รู้” ว่านี่เรากําลังออกเสียงจากท้องหรือไม่ เรายังสามารถ “correct หรือ แก้ไข” มันได้ทันทีที่เรารู้ตัวด้วยตัวเราเองว่าเรากําลังออกเสียงผิดวิธี ที่เซอร์ไพรส์มากกว่านั้นคือ ด้วยเทคนิคและวิธีการฝึกอย่างมีหลักการและมีขั้นตอนง่ายๆ ของครูมิ้นนั้น ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ภายใน 2 ชั่วโมงแรกของการเรียน!
ในแต่ละนาทีของคลาสผ่านไปอย่างมีความหมาย หากแต่ว่าไม่เครียดอย่างที่คิด บรรยากาศสบายๆ มากๆ ด้วยเทคนิคการสอนที่ดีมาก และความเป็น “ครู” ที่ดีของครูมิ้น คือความแตกต่างจากคลาสอื่นๆ
ทําไมถึงได้กล่าวเช่นนั้น?
หลังจากที่เรียน 2 ชั่วโมงแรก รู้สึกได้เลยว่าครูมิ้น sensitive มาก มีความใกล้ชิดผู้เรียน concentrate กับผู้เรียนเท่านั้น มีความไวต่อกับอาอัปกิริยาและความรู้สึกของผู้เรียน ว่าระหว่างเรียนผู้เรียนกําลังรู้สึกอย่างไร กําลังรู้สึก down ไหม ไหวไหม ไม่มั่นใจไหม ทันทีที่ครูมิ้นจับความรู้สึกเหล่านี้ได้ ครูมิ้นจะดึงนักเรียนขึ้นมาจากความรู้สึกนั้นทันที ครูจะไม่ปล่อยให้เรารู้สึก down แม้สักนาที ครูจะเปลี่ยนเทคนิคการสอนทันทีเพื่อที่จะ build ความรู้สึกเราขึ้นมาใหม่ ให้เรารู้สึกมั่นใจว่าเราสามารถข้ามผ่านแบบฝึกหัดแต่ละ step ของครูด้วยความรู้สึกมั่นใจ ด้วยจิตใจที่แช่มชื่น และพร้อมที่จะเดินก้าวต่อไปด้วยกันใน step ต่อไป นี่คือความพิเศษที่พบหาไม่ได้ง่ายๆ ครูมิ้นเป็นต้นแบบที่ดีจริงๆ ที่เราเองในฐานะเป็นอาจารย์ต้องดูเป็นแบบอย่าง เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างบรรยากาศการเรียนให้น่าเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนได้อย่างดี นอกจากนี้ ความชํานาญและความแม่นยําในการวิเคราะห์เสียงของครูมิ้น ทําให้ครูมิ้นใช้เพียงแค่ “ทักษะการฟัง” ที่ชํานาญของครูมิ้น สามารถชี้จุดที่เราต้องปรับได้ในทันทีโดยอัตโนมัติว่าขณะนี้เรากําลังใช้เสียงจากช่องท้องหรือจากคอ (ที่ทําให้เราเกิดปัญหา) จุดนี้คือความพิเศษที่เรารู้สึกว่า เรามาถูกทางและมาหาถูกคนแล้วจริงๆ อยากให้ทุกท่านที่กําลังหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้เสียงได้มาเรียนกับครูมิ้น แค่การเรียนเพียง 6 ชั่วโมง (3 ครั้ง) จะเปลี่ยนวิธีการใช้เสียงของท่านไปได้ตลอดชีวิต เพราะเราต้องใช้เสียงในการพูดตลอดทุกวันที่เรามีชีวิตอยู่ ซึ่งมันคุ้มค่ามากที่จะเปลี่ยนเราให้มีสุขภาพเสียงที่ดี มีบุคลิกภาพที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือในการทํางานที่ต้องใช้การสื่อสาร หรืออย่างน้อยที่สุด... ตัวเราเองลดความไม่สุขสบายต่างๆ จากการใช้เสียงที่ไม่ถูกต้อง แก้ไขได้ง่ายๆ จากเทคนิคที่ครูมิ้นจะพาเราไปในแต่ละ step ที่ง่ายจนเราเองก็เซอร์ไพรส์ว่ามันง่ายมากและใช้ได้ทุกเวลา ขอบคุณครูมิ้นมากๆ ที่ทําคอร์สนี้ขึ้นมาค่ะ ได้เจอถูกคนจริง
หมายเหตุ: ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อ-นามสกุลจริงในทุกสื่อ
ดร.เบญ 26 มิถุนายน 2560,
นักวิชาการอิสระ, อาจารย์, ที่ปรึกษางานวิจัย
Intensive voice คอร์สสั้นๆ 3 ชั่วโมงที่สอนการใช้เสียง สำหรับทิพย์ชีวิตดีขึ้นค่ะ และสิ่งสำคัญ ทิพย์คิดว่าครูมิ้นไม่ได้ฝึกแค่การใช้เสียงนะ ยังสอนให้ทิพย์กล้าที่จะแสดงออก แค่อ้าปากชีวิตก็เปลี่ยน ก่อนหน้านี้ทิพย์เลี่ยงการเผชิญหน้ากับงานประชาสัมพันธ์มาทั้งชีวิต เพราะไม่ชอบเสียงของตัวเองเลย จู่ๆ ก็ได้รับงานนี้มาเหมือนฟ้าผ่า ค้นหาวิธีร้อยแปดพันเก้าจนได้มาเจอครูมิ้นนี่แหละ ทิพย์ชอบเสียงตัวเองมากขึ้น แอตติจูดการมองโลกก็เปลี่ยนไป ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ค่ะ (น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนเส้นเสียงไม่ใช่หิน ปรับได้นะคะ) อีกเรื่องที่น่าจะมาจากสิ่งที่ครูสอนหรือเปล่า จู่ๆ โลกที่ทิพย์มองว่าสีเทาๆ ดูสดใสขึ้นจนแปลกใจ ขอบคุณมากนะคะครูมิ้น ผู้เปลี่ยนเสียงแบนๆ ให้กลมขึ้น ทิพย์จะฝึกจนกว่าเสียงจะดีมากกว่านี้ค่ะ
ศิรินทิพย์ จินารักษ์,
ข้าราชการ
สาเหตุที่มาเรียน เพราะมีปัญหาในการพูด เสียงแหบตลอด การบังคับเสียงให้ดัง/เบาทำไม่ได้ มีหลายๆครั้งที่แม้คนไม่รู้จักกันยังทักเรื่องเสียงที่แหบ ทำให้หลีกเลี่ยงที่จะพูด เคยพบแพทย์วินิจฉัยว่าตนเองมีเส้นเสียงไม่แนบสนิททำให้เสียงแหบ
หลังจากได้มาเรียนกับครูมิ้นหลักสูตร voice training พบว่าจริงแล้ว ในกรณีของตนเองถึงแม้ทางกายภาพเส้นเสียงอาจไม่แนบสนิท แต่เราสามารถเรียนรู้การใช้เสียงที่ถูกต้องให้เสียงไม่แหบได้
ในการเรียนจะมีการให้ความรู้พื้นฐานซึ่งหลายคนอาจหาได้จากหลายแหล่งข้อมูล แต่ที่สำคัญที่สุดคือการวิเคราะห์ของครูมิ้นซึ่งมีประสบการณ์เรื่องการใช้เสียงความน่าฟังของเสียงในโอกาสต่างๆ เพื่อใช้สื่อสารทั้งร้องเพลงและพูด การจับประเด็นหัวใจที่จะแก้ไขเราให้ถูกต้อง ต้องใส่ใจในการฟัง ทดลอง ฟัง หยุดกลับไปลองเอง กลับมาฟังใหม่ รวมถึงดูภาพรวมความสอดคล้องของบุคลิกเราที่เหมาะกับช่องเสียงนั้นๆด้วย ซึ่งการเรียนออนไลน์ จะไม่สามารถมีในส่วนนี้
ดังนั้นอยากแนะนำหลายๆท่านที่พบว่าตนเองมีความไม่มั่นใจ/ไม่พอใจ ในการใช้เสียงในไม่ว่ารูปแบบใด ได้ลองมาเรียน บางทีสิ่งที่เราเป็นอาจเป็นแค่ความคิดเราก็ได้
คุณนัท (ขอไม่ลงชื่อจริงและรูปภาพ),
พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ครูมิ้นสอนเก่ง เข้าใจง่ายครับ
#TonyRachakrit
เพิ่งได้รู้ว่าการปรับวิธีใช้เสียงให้ถูกต้องนั้น คือเรื่องเดียวกับการปรับทัศนคติที่มีต่อตัวเอง
ก่อนเรียน voice training กับครูมิ้น เราไม่เคยชอบฟังเสียงของตัวเองที่อัดไว้ในวิดีโอหรือเครื่องบันทึกเสียงเลย รู้สึกมันแบนๆ ไม่ไพเราะ จนเมื่อเรามาทำงานล่าม เราอยากเรียนวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องขึ้นมา เพราะว่าบางครั้งมีอาการเสียงแห้ง หลังจากที่ต้องใช้เสียงในการแปลนานๆ หรือต้องใช้เสียงดังพูดกับกลุ่มคนโดยไม่มีไมค์ ซึ่งตอนคิดจะเรียนนั้นไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ไม่ชอบฟังเสียงของตัวเองหรอก
หลังจากเรียนทฤษฎี และเริ่มฝึกออกเสียงแบบตัวต่อตัว ครูมิ้นมีคำถามที่น่าสนใจคือ “พี่คิดว่าตัวเองเป็นคนยังไง?” ซึ่งแอบคิดว่ามันเกี่ยวกันยังไงกับเรื่องออกเสียงนะ?
ด้วยความที่รู้จักกับครูมิ้นมาก่อน เราจึงเลือกที่จะตอบว่า “ที่เห็นกันมาตลอดนี้ไม่ใช่ตัวตนจริง ความจริงแล้วเราเป็นคน introvert มากๆ” ก่อนตอบเราคิดว่าครูจะผิดคาดกับคำตอบของเรา แต่คำแรกที่ครูมิ้นพูดกลายเป็น “ว่าแล้วเชียว!”
สรุปว่ามีคนที่มาเรียนกับครูมิ้นมีปัญหานี้กันหลายคน คือไม่ชอบเสียงที่ตัวเองเปล่งออกมา ทำให้ไม่มั่นใจพอจะเริ่มต้นบทสนทนาก่อน ทั้งๆ ที่บางครั้งอยากทำ
หลังจากวันนั้นเมื่อเราปรับวิธีออกเสียงให้ถูกต้อง อัศจรรย์ใจจริงๆ ที่พบว่าเสียงเราเองที่ได้ยินจากเครื่องอัดนั้นฟังรื่นหูขึ้น และตัวเราเองก็อยากจะฟังเสียงแบบใหม่นี้ไปอีกเรื่อยๆ อาจจะเพราะจิตใต้สำนึกรับรู้ได้ว่าการออกเสียงแบบนี้ไม่ทำให้เส้นเสียงบาดเจ็บก็เป็นได้
เมื่อเริ่มต้นชอบเสียงของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เราเข้าใจละ ว่านี่ก็คือเราได้ปรับทัศนคติที่มีต่อตัวเองให้ดีขึ้นหนึ่งอย่างแล้วไง!
ต่อจากนี้ เราต้องฝึกให้ร่างกายเคยชินกับการออกเสียงที่ถูกต้อง ให้กลายเป็นเรื่องอัตโนมัติที่เราไม่ต้องมานั่งพะวง และก็จะได้มีพื้นที่ว่างในใจไว้สำหรับปรับทัศนคติที่มีต่อตัวเองในแง่มุมอื่นต่อไปอีก
ตอนแรกอยากมาเรียน voice training เพื่อดูแลเส้นเสียง เรียนจบกลับได้วิธีดูแลใจตัวเองแถมกลับมาด้วยเฉย
สุดท้าย เราไม่หวังถึงขนาดให้ตัวเองกลายเป็นคน extrovert หรอกนะ แต่หวังเพียงแค่ว่า เราจะรู้สึกชอบตัวเองมากขึ้นได้จากใจจริง เพราะเรามั่นใจได้อย่างแล้วว่าเสียงพูดของเราจะไม่ไปรบกวนหูใคร!
กมลอร คินิมาน,
ล่ามภาษาญี่ปุ่น
หลังจากจบคลาสมันเปลี่ยนชีวิตขวัญเลยนะ เป็นทริกเกอร์ตัวแรกที่ลั่นออกมาแล้วสร้างโมเมนตั้มให้ขวัญกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้ที่ง่ายๆเลย หลังจากฝึกหายใจใหม่ ขวัญสามารถดื่มน้ำได้วันละ 4.5 ลิตร เทียบเท่า 3 ขวดใหญ่ จากปกติดื่มวันละครึ่งขวด ซึ่งจริงๆการดื่มน้ำมันมองเป็นเรื่องธรรมดานะ แต่เอาจริงๆ สุขภาพ การนอนหลับ สมาธิ คุณภาพชีวิต มันดีขึ้นมาก เสียงก็ชัดขึ้น พูดแล้วไม่เหนื่อยด้วย เลยอยากมาขอบคุณครูมิ้นอีกครั้ง
ขวัญลดา เปรมปรีด์,
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
ก่อนหน้านี้เป็นคนมีปัญหาเรื่องการออกเสียงมากเลยค่ะ คือเวลาพูดเหมือนเสียงจะเบาๆ อยู่ในลำคอ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสุขภาพอะไร คนที่คุยด้วยก็จะคอยถามตลอดว่าอะไรนะ ไม่ค่อยได้ยิน หรือไม่ก็ฟังผ่านๆ แบบเข้าใจไปเอง ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการสื่อสารพอสมควร หรือเวลาอยากพูดเสียงดัง ตั้งใจตะโกนมาก แต่เสียงก็ออกมาเท่าเดิม แต่พอมาเรียนคอร์ส Voice Training โลกกว้างขึ้นมาทันทีค่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าเสียงที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เราสามารถฝึกและหัดออกเสียงให้ถูกต้องได้ ตอนนี้รู้หลักการออกเสียงแล้วค่ะ ชีวิตดีขึ้นมาก 555 อาจจะยังออกเสียงไม่ถูกตลอดเวลา แต่ก็จะพยายามฝึกฝนและพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ตอนนี้เวลาจะคุยทำให้เราตั้งใจโฟกัสที่เสียงมากขึ้น พรีเซนต์งานก็มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะแน่ใจว่าคนฟังต้องได้ยินเราชัดแน่ ขอบคุณครูมิ้นมากค่ะ
เยาวลักษณ์ สารี,
Account Director, Digital New Age Agency (DNA)
เป็น course ที่ดีมากครับ ช่วยให้เราออกเสียงอย่างถูกต้อง เราเคยได้ยินตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆว่า เสียงควรเปล่งออกมาจากท้อง แต่เราก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง คอร์สนี้ช่วยให้เราฝึกวิธีการเปล่งเสียงออกมาจากท้อง และยังช่วยให้เรารู้ถึงความแตกต่างเวลาเสียงกระทบแต่ละส่วนภายในช่องปาก ช่วยฝึกการออกเสียงคำบางคำที่เราเคยออกเสียงไม่ค่อยชัดให้ชัดขึ้น สุดท้ายช่วยให้เราปรับปรุง น้ำเสียง จังหวะ และท่าทาง โดยเฉพาะเวลาพูดในที่สาธารณะให้ดีขึ้น ขอบคุณครูมิ้นครับที่เปิดสอนหลักสูตรดีๆแบบนี้ครับ
ธนากร เล็กวิจิตรธาดา (เซ็น),
นักธุรกิจ
เรียน voice training กับครูมิ้นแค่ 2-3 ครั้ง นายๆ ก็ทักเลยว่า present งานดีขึ้นอย่างชัดเจน (ปลื้มมมม) ... ครูมิ้นสอนสนุกและทำให้การเพิ่มคุณภาพเสียงกลายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
Phimnaphat U-tamachatiwat,
Chief, Finance, PTT Green Energy Pte. Ltd.
ก่อนอื่นอยากจะขอบคุณครูพี่มิ้นมากค่ะ และอยากบอกว่าดีใจสุดๆ ที่มีโอกาสได้เรียนกับครูมิ้น ครูมิ้นสอนสนุกเป็นกันเองและทุ่มเทในการสอนมาก ครูมิ้นสามารถชี้ข้อบกพร่องในการใช้เสียง ถ่ายทอดวิธีแก้ไขและให้นำกลับไปฝึกฝน รวมถึงยังสามารถดึงศักยภาพของอุ๋มออกมา อุ๋มชอบพูดว่าทำไม่ได้ แต่ครูมิ้นจะพูดเสมอว่าทำได้และพี่ว่าทำได้มากกว่านี้ด้วย ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเป็นกองเลยค่ะ 555+ ตอนนี้จบคอร์ส Voice แล้ว ก็อยากเรียนร้องเพลงกับครูมิ้นต่อเลย อยากพัฒนาต่อๆไปค่ะ ขอบคุณครูมิ้น...พี่มิ้นอีกครั้งนะคะ กราบ..กราบงามๆ ^^
อรุโณทัย พิริยะเกียรติสกุล (อุ๋ม),
นักการเงิน, PTT Green Energy Pte. Ltd.
ได้มีโอกาสเรียนออกเสียงเบื้องต้นกับครูมิ้น ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นเวลาร้องเพลงหรือพูดต่อหน้าคนหมู่มาก เพราะเดิมเป็นคนที่พูดเสียงเบา เสียงอยู่ในลำคอ เมื่อได้เรียนการออกเสียงแล้วก็สามารถแก้ไขการออกเสียงของตัวเอง ทำให้มีความสุขเวลาร้องเพลง และพูดคุยกับคนอื่นๆ โดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกครั้ง บอกตรงๆมีความสุขมากๆ เวลาที่เรียนกับครูมิ้น เพราะครูมิ้นใจดีสุดๆ เข้าใจลูกศิษย์ ครูบอกข้อเสียให้เราปรับตัวเอง จนเรามีความมั่นใจ ขอบคุณครูนะคะ เรียนกับครูมิ้นไม่ผิดหวังจริงๆ
ฉวีวรรณ อุ่นจิตร,
ข้าราชการ
นักเรียนคอร์ส Singing
ปีที่ผ่านมานี้ได้ทำสิ่งที่ดีมากๆ กับตัวเอง คือพาตัวเองไปสู่ดินแดนใหม่ๆ ที่ไม่ต้องเกี่ยวกับงาน นั่นคือการเริ่มเรียนร้องเพลงได้ หลังจากเล็งมานาน
ที่อยากเรียนร้องเพลงเพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขโดยไม่ต้องตัดสินอะไรตัวเอง เป็นสิ่งที่อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องผูกกับงานที่ทำอยู่ (ยกตัวอย่างว่า ถ้าไปเรียนวาดรูปหรือเขียน อันนี้จะกลับมาเป็นงานแน่ๆ เพราะมีแนวโน้มที่จะทำงานสายนี้) อยากใช้เวลาว่างตอนรถติดให้เป็นประโยชน์ (มือไม่ว่าง ที่ว่างคือหูกับปาก) และรู้สึกว่าอยากรู้จักตัวเองให้มากขึ้น
แต่ที่ได้มามันมากกว่านั้นอีก
พอดีช่วงต้นปี เพื่อนสนใจจะเรียนร้องเพลง เขาเลยชวนไปลองด้วยกัน พอเห็นว่าครูที่สอนเคมีเข้ากับเพื่อนเราได้ ก็คิดว่าต้องเข้ากับเราได้ด้วยแน่ๆ ก็เลยไปลงที่ครูมิ้น
ไปครั้งแรกครูก็ให้ลองร้องเลย เตรียมเพลงอะไรก็ได้มาร้อง เราเคยคิดว่าตัวเองร้องเพลงไม่แย่นะ อย่างน้อยก็ถูกคีย์ แต่พอร้องไปปั๊บ ปรากฏว่าต้องปรับใหม่หมดเลยตั้งแต่วิธีหายใจ หลังจากนั้นครูก็ไล่ปรับให้ไปทีละก้อนทีละจุดอย่างอดทน ครูบอกว่า "ตอนแรกๆ ต้องเหมือนฝึกทหาร" ให้พื้นฐานมันแน่นก่อน
เรียนติดกันมา (ขาดช่วงบ้างตอนย้ายประเทศ) หนึ่งปี พบว่านี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของปีที่ได้ทำ เพราะมันทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น และได้รู้จักตัวเองมากขึ้นจริง โดยเฉพาะเรื่องของแรง, สติและสมาธิ ได้รู้ว่าการผ่อนแรง การใส่เต็มแรง เป็นอย่างไร - ซึ่งก็เอามาปรับใช้กับชีวิตด้านอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่ทุกอย่างต้องทุ่มแรงจนสุด บางอย่างใส่แรงให้ดีตอนแรก แล้วให้โมเมนตัมพามันไป ก็จะสบายตัวขึ้น
ได้รู้ว่าที่บางครั้งคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ จริงๆ แล้วทำได้แค่ไม่กล้า - เสียงที่ร้องมันบอกตัวเราหมดเลย ว่าตรงนี้ไม่มั่นใจ บางครั้งครูฟังแล้วก็จะบอกว่า จริงๆ แล้วเสียงธรรมชาติเราถึงนะ แต่เหมือนไม่กล้าไปแตะโน้ตตรงนั้นเอง มันเลยทำให้เสียงออกมาแปลก เพราะไปหลบมัน ไปกลัวมัน จริงๆ ก็แค่บริหารแรงให้ดีแล้วจะไปถึงตรงนั้นได้แบบไม่ยาก
ได้รู้จักการครองสติให้นานขึ้น - ตรงไหนที่สติส่าย หลุด หรือไม่รู้จะทำยังไง จบยังไง เวลากลับมาฟังที่ตัวเองร้องออกไป มันโชว์ออกมาให้เห็นชัด ทำให้ตรวจสอบตัวเองได้ดีมาก และรู้ว่าต้องปรับตรงไหน ทั้งปรับระดับใหญ่ๆ และปรับระดับละเอียดๆ
ได้ฟังเพลง แบบฟังจริงๆ - ที่ผ่านมาอาจฟังไม่ละเอียด ไม่เห็นเสียงกลอง เสียงขึ้น เสียงลง แต่ครูก็สอนให้ฟังให้ละเอียด ฟังกรูฟของมัน ฟังวิธีการเข้าไปอยู่ในดนตรี ฟังสัญญาณรอบๆ แล้วหาที่ทางที่เหมาะของตัวเอง
ทั้งหมดไม่ใช่แค่ได้กับการร้องเพลง แต่เหมือนสะท้อนกลับมาที่วิธีการดำเนินชีวิตด้วย ทำให้รู้จักผ่อนแรง เต็มแรง ไปตามจังหวะ โมเมนตัม การอ่านสภาพแวดล้อม อ่านตัวเอง ดูสติ ซึ่งครูสอนทั้งหมด และปรับให้เหมาะไปตามนักเรียนแต่ละคนด้วย
นี่เลยคิดว่า ต่อให้ย้ายประเทศแล้ว ก็ยังอยากกลับไปเรียนต่อ ต่อให้ไม่ถี่ทุกสัปดาห์เท่าเดิม ก็ยังอยากกลับไปเรียนทุกเดือนให้ได้ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ทุกวันนี้คือยังไม่ได้คิดว่าตัวเองร้องเพลงได้ดีนะ แต่รอบๆ ปริมณฑลของการร้องเพลงอะ - ถือว่าดีขึ้นมากจริงๆ - เป็นการเกลาตัวเองให้กลมขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
แนะนำอย่างแรงครับ
แชมป์ ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
อาจจะไม่ใช่ประสบการณ์แต่ ฝากบอกครูได้ไหมคะ
จริงๆ แล้วอยากสารภาพตามตรงว่า ตอนที่หนูสมัครมาเรียนสามชั่วโมงนั้น ตัวหนูเองแทบจะไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวเองเลย แต่พอมาวันแรกเจอครูสอน ครูอัดเนื้อหาให้เต็มที่มาก มันทำให้หนูเกิดความรู้สึกว่า เฮ้ยเราน่าจะทำได้นะ แล้วยิ่งไปกว่านั้นการที่ครูบอกในวันต่อๆ มาว่า หนูทำได้ มันทำให้หนูมีความมั่นใจขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องร้องเพลง แต่ไม่รู้ทำไมหนูกลับมั่นใจในเรื่องอื่นด้วย หนูจะพยายามเอาสิ่งที่จำได้มาใช้ต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ชัญญา ปฐมธนสาร (เหมี่ยว),
พนักงานบริษัท
จากที่ผมเคยเรียนร้องเพลงมาหลายที่ ได้เจอคุณครูหลายคน ส่วนใหญ่ที่ผมเจอและรู้สึกคือ ผมมักจะเสียความเป็นตัวของตัวเองไป จากการที่ครูบางท่านมักจะใส่สไตล์การร้องที่ครูอยากให้มันเป็นในเพลงนั้นๆ กำหนดว่าตรงนี้ควรเอื้อนอย่างนี้ ตรงนี้ใช้เสียงเต็มดีกว่า หรือตรงนี้ใช้เสียงลม ฯลฯ ซึ่งในบางครั้งผมรู้สึกว่ามันทำให้ทุกๆโน้ต ทุกๆประโยคถูกกำหนดไว้แล้ว ความรู้สึกที่มันเป็นธรรมชาติก็หายไป --- พอได้มาเรียนกับพี่มิ้น ทีแรกผมคิดในใจว่าพี่มิ้นดูไม่เหมือนครูท่านอื่นๆที่ผมเคยเจอมา ด้วยพี่มิ้นอาจจะยังดูเป็นวัยรุ่น 555 หลังจากได้เริ่มเรียน มันต่างไปจากเดิมตรงที่พี่มิ้นจะชี้จุดอ่อนที่ผมมี อธิบายและชี้แนะวิธีการที่จะพัฒนาจุดอ่อนนั้นๆให้ผม โดยให้ฝึกร้องเพลงที่ใช้เสียงนั้นเยอะๆ หรือวอร์มเสียงด้วยแบบฝึกหัดต่างๆ เพื่อให้เสียงแข็งแรงและพร้อมมากขึ้นกับเพลงในสไตล์ต่างๆ โดยไม่เสียความเป็นตัวเอง ซึ่งผมรู้สึกว่ามันได้ผลจริงๆ จากคนรอบข้างและพี่ๆเพื่อนๆที่ทำงานด้วย (โฆษณาขายครีมรึเปล่า 555) ขอขอบคุณพี่มิ้นมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
โปเต้ (วง Mean ค่าย LoveIs),
นักร้อง / นักแต่งเพลง
I am one of student in P'Mint class, and learn a lot from her.
P'Mint class have two emotions; concentrate (serious) and also enjoyable.
She teaches the way that make student easily to understand and not easy to forget too. For example, for me, I need help about pronunciation in Thai language. Some words quite hard for me to pronounce, however, P'Mint is the teacher that can make me do it right.
She is not a kind of teacher that leave student behind because of the time's up, sometimes, she teaches until the student can do it right, then we forget what time is it. This is why I love her passion to teach me and the other people. I'm happy to study with P'Mint and now still want to get some help from her.
Jin Zoo-hyung (Korean),
ศิลปิน / นายแบบ
เป็นคนหูเพี้ยนเลยร้องเพลงเพี้ยนมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่แค่เพี้ยนโน้ต แต่ถึงขนาดขึ้นดนตรีอินโทรมายังร้องออกมาได้คนละคีย์ไปเลยครับ แต่พี่มิ้นใจเย็น อดทนมาก ค่อยๆ แก้จนหายได้ การเรียนร้องเพลงกับพี่มิ้นไม่ใช่แค่ทำให้ร้องเพลงเป็น ร้องเพลงได้ดีขึ้น แต่ทำให้ใช้เสียงในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น มีจังหวะจะโคนขึ้น ถนอมเสียงตัวเองมากขึ้น แล้วก็ทำให้การฟังเพลงสนุกขึ้นด้วยครับ จากที่แค่ฟังว่า เออ เพราะดี ก็มาเริ่มฟังว่าเขาร้องตรงไหนยังไง ยิ่งเรียนยิ่งสนุกครับ
ฐิติวัชร อุดมสิริวัฒน์ (ป๋อง),
ล่าม / ครูสอนภาษาเกาหลี
แต่เดิมชื่นชอบในการร้องเพลงของมิ้นอยู่แล้ว จนมีโอกาสได้มาเรียนร้องเพลงด้วย ไม่คิดว่ามิ้นจะรู้ลึก รู้จริง เกี่ยวกับการร้องเพลงมากมายขนาดนี้ ประมาณว่า ถามมาเถอะ ตอบได้หมด!! แถมยังอธิบายความเป็นตัวเราจากการใช้น้ำเสียงในการพูด ไม่ใช่แค่ร้องเพลง เลยค้นพบว่าจริง ๆ แล้วการใช้เสียงที่ถูกต้องจำเป็นมากในชีวิตประจำวัน การร้องเพลงส่วนหนึ่ง การพูดก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งตัวเรามีปัญหาเรื่องของการพูดไม่ชัด มิ้นก็มานั่งแก้ให้คอยสอนว่าแต่ละตัวอักษรออกเสียงอย่างไร เรียกได้ว่า วางรากฐานให้อย่างแน่นหนาเลยทีเดียว
อภิรดี โกเฮง (ป่อปิ๋ว),
MD, Siam Uniform company
ความรู้สึกก่อนที่จะได้มาเรียนร้องเพลงกับพี่มิ้น คือ กลัว อาจจะเพราะพี่มิ้นเป็นศิลปิน ประกอบกับเราก็เป็นคนที่ร้องเพลงไม่เป็น ไม่ใช่แค่ร้องไม่เป็น แต่ถึงขั้นเพี้ยนอย่างหนัก เลยรู้สึกหนักใจมาก กลัวว่าจะทำได้มั้ย แต่พอได้มาเรียน ความรู้สึกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ พอได้พูดคุยกัน พี่มิ้นเป็นคนใจดีมาก น่ารัก ที่สำคัญมีความอดทนมากๆ เพราะพี่มิ้นสามารถอดทนกับเราได้ โดยไม่มีอาการหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียเลยแม้แต่ครั้งเดียว แรกๆ เรียนไปก็มีท้อ เพราะทำไม่ได้ แต่พี่มิ้นก็เป็นคุณครูที่น่ารักนอกจากสอนก็คอยให้กำลังใจไปด้วย ว่าถ้าเราชอบแต่เมื่อเราไม่มีพรสวรรค์ เราก็ต้องแสวงเอานะ พี่เชื่อกิฟท์ทำได้ แค่นี้ก็มีกำลังใจมากๆแล้วค่ะ ตั้งแต่เรียนมาจนถึงวันนี้ ก็ยังคิดที่จะเรียนต่อไปเรื่อยๆ รู้สึกดีใจและไม่เคยผิดหวังเลยที่ได้มาเรียนและก็ได้มาเป็นลูกศิษย์ รักคุณครูพี่มิ้นนะคะ
Gift,
นักกายภาพบำบัด
ผมเรียนร้องเพลงกับคุณมิ้น ตั้งแต่ปี 2550 ครับ เรียน 2 ปี คุณมิ้นก็ไปศึกษาต่อที่อังกฤษ ก็เลยต้องหยุดเรียนแต่เพียงเท่านี้ก่อน จำได้ว่าตอนนั้นเรียนมาถึง เสียงประสานคู่ 3 คู่ 5 กำลังสนุกเลย เพลงที่นำมาฝึกร้องในตอนนั้นคือ The sound of silence เพลงนี้ผมเป็นคนเลือกเอง (ผมชอบ) จากนั้นก็เพลง ขนนกกับดอกไม้ ของพี่เบิร์ด ก่อนที่จะหยุดเรียนไปนานเลย คุณมิ้นมีวิธีสอนไม่เหมือนใคร สนุกเป็นกันเอง คุณเป็นมิ้นเหมือนครูและเพื่อนที่ดีสำหรับผมเสมอครับ ถ้ามีโอกาสจะกลับไปเรียนอีก ปัจจุบันผมทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ได้นำความรู้ที่ได้มาไปใช้เยอะมาก ไม่ใช่แค่การร้องเพลง แต่มีอะไรดีๆมากกว่านั้น อยากให้ทุกคนมาเรียนกันครับ
ธนินท์วิตร ดิษฐเกษร (ใหญ่),
พนักงานธนาคารออมสิน